คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผักผลไม้ 7 อย่าง ที่คุณผู้หญิง ไม่ควรพลาด

เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้

ลูกพรุน (Prunes)

ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุน ช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิต คือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมาย ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาด ก็เริ่มหมองคล้ำผิวพรรณจะเป็นสีชมพู- ระเรื่อหรือซีดโทรม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นผิวมีความหนามากขึ้นตามวัย จนมองไม่เห็น เลือดฝาด หรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่ โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางดู เป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะไม่เลวเลยทีเดียว

ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม“ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรี ที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก

บรอคโคลี่

เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอคโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลีเนียม จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว ) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

แอปเปิ้ล

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ “เพคติน”แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพคติน”นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอลหากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูก จะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาล ในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึม น้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้น ความอยากอาหารจึงลดลงทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ล จะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย

กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย จะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น สิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถ ในการจำกัดอนุมูลอิสระ ( Detoxification )ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเอง ก็คือ คุณต้องรับประทานอาหาร ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มาก ซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม

ฝรั่ง

คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซี มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ

ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับ คนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทน จะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกา จึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้ วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลาย มีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนค่ะ
ข้อมูลจาก ภก. สรจักร ศิริบริรักษ์
 
 
 
 

น้ำพริกเพื่อสุขภาพ


ที่มา:http://www.youtube.com/watch?v=VxHx1L3HFlE&playnext=1&list=PL146C420CDD3C489F

" กินบำบัด " สกัดความอ้วน

       
     ข้อหาฉกาจฉกรรจ์ที่สุดที่เป็นสาเหตุแห่งอ้วนคือ "อาหารขยะ" กับ "ขี้เกียจขยับ" สองประการนี้เป็นที่รู้กันเหมือนตราประทับมากับอ้วนเสมอไปจะกินสิ่งใดก็ดูเหมือนกับไร้สุขต้องทุกข์กายไปตามหาอาหารสุขภาพที่อยากให้ทราบว่าราคาสูงจนแทบป่วยใจเหมือนกัน
 7 เทคนิค "กินอาหาร" สกัดโรคอ้วน
     คำว่ายิ่งกินอ้วนอาจไม่จำเป็นเสมอไปถ้าท่านได้สูตร "กินบำบัด" ที่แม้จะฟังดูขัดๆ แต่ทว่ามันจะทำให้ท่านยังอร่อยลิ้นกินของโปรดได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดมากอย่างที่เคยและทีสำคัญไม่อ้วนด้วย อร่อยได้ ไม่ต้องอด แค่ทำตามกฎเล็กน้อยต่อไปนี้ก็จะไม่มีปัญหาโภชนาการมารคอหอยอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นขนมถุง, น้ำอัดลม, คอหมูย่างหรืออาหารอย่างที่เคยเชื่อกันว่า เป็นอาหารขยะ ที่สุดจะหลายเป็นอาหารทีทำให้ท่านมีความสุขได้ดังเดิมสมดังหน้าที่ของมันที่ไม่ได้จะปองร้ายด้วยการยัดเยียดโรคอ้วน, ความดันหรือเบาหวานให้แก่ท่านอย่างร้ายกาจตามข้อกล่าวหาเสมอไป
แต่ทั้งนี้อยู่ที่ใจของท่านเองที่จะพยายามเข้าใจแลทำให้ได้ตามเคล็ดง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1) เคี้ยวบำบัดสกัดอ้วน ข้อนี้อยากชวนให้ท่านที่รักทำมากเข้าไว้ครับเพราะง่ายและใช้ได้ผล โดยให้คิดไว้ว่าจะเคี้ยวอาหารให้นานขึ้นละเอียดขึ้น เช่นเคี้ยวอย่างน้อยสัก 10 ครั้งต่อคำไม่ต้องทำไปจนถึงหลายสิบครั้งอย่างบางสูตรเพราะธรรมดาเราเคี้ยวข้าวแค่ไม่กี่คำก็กลืนแล้วซึ่งวิธรนี้จะได้นำมากล่าวโดยละเอียดในคราวต่อไปครับ

2) ควรเพิ่มแล้วลด แต่ต้องไม่อดเช่นถ้ามื้อนี้หนักเนื้อหนักข้าวแล้วมื้อหน้าก็ขอเป็นผักหรือข้าวมีกากบ้าง ถ้าจะจัดให้สนุกก็มีวิธรเยอะครับ เช่นเปลี่ยนจากเนื้อเป็นถั่วหรือเต้าหู้ แล้วก็ดูของหวานที่ช่วยต้านชราอย่างช็อกโกแลตดำบ้าง ซึ่งก็ไม่ทำให้ท่านต้องอดไปจากของอร่อยแต่อย่างใดเลย

3) อดแล้วไม่อดเลย จึงมาถึงข้อนี้ได้เพราะ "การอดคือบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย" ทางสุขภาพทั้งผอง ต้องลองนึกดูว่ามันจะทำให้สมองเครียดแล้วหลั่งธาตุหิวออกมาแล้วยิ่งอยากกินหนักจนน็อตหลุดที่สุดแล้วควรแบ่งเวลาอดเช่นว่ามื้อเย็นเบาหน่อยค่อยหนักมื้อเช้า หรือจะเอาวันเว้นวันก็ยังไหว แต่ไม่ใช่อดหัวโตทั้งเดือนจนที่สุดแล้วกลับมาให้อ้วนหนักขึ้นมากกว่า

4) อย่าเฉยเมื่อหิว ตอนที่ใจบอกหิวขอให้กรองให้ดีก่อนว่าความเป็นความ "อยาก" หรือหิวจริง ซึ่งความหิวจริงแบบจะหน้ามืดตาลายนั้นมันจะทำให้น้ำย่อยออก นอกจากจะทรมานแล้วจะยิ่งทำให้กินจุบจิบหนักขึ้นด้วย ขอให้หยุดเมื่อรู้สึกอร่อยลิ้นจนติดเสียจะดีกว่า อย่าทนปล่อยให้ท้องว่างนานโดยไม่จำเป็นเลยครับ

5) มื้อจิ๋วช่วยได้ การกระจายอาหารเป็นมื้อย่อยช่วยให้กินได้อร่อยและไม่ต้องคอยกังวลน้ำหนักตัว เช่นถ้ามื้อนี้อยากกินเฟร้นช์ฟรายแสนอร่อยก็ขอให้สั่งมาแชร์กับเพื่อนรู้ใจ หรือถ้าปกติเป็นคนกินหนักข้าวก็ขอให้เอามาเกลี่ยเป็นสองจานแล้วถ้ายังหิวก็ค่อยกินต่อ ซึ่งคนส่วนใหญ่เมื่อกินได้ครบจานแล้วก็จะอิ่มกัน แต่ที่เรากินเยอะขึ้นเป็นเพราะความเคยชินที่เห็นว่ามันควรต้องกินให้หมดจาน

6) ต้องไม่อดนอน ความง่วงเหงากระหายนอนเป็นปัจจัยหลอนทำให้กายรู้สึกว่าเหนื่อยและกินได้เรื่อยๆ ส่วนในคนที่ได้นอนเต็มที่จนสดชื่นจะตื่นตัวไม่พลั้งปากกินได้มากกว่า และการที่ยิ่งนอนดึกก็เสมือนยิ่งเปิดโอกาสให้ปากได้ทำงานหาอาหารมาป้อนท้องมากขึ้นด้วย

7) สอนให้รางวัล เมื่อไรที่ทำสิ่งใดแล้วประสบความสำเร็จขอให้เสี่ยงหาเหตุ "ตกรางวัล" ชีวิตเป็นการกิน ขอให้เปลี่ยนเป็นรางวัลประเภทนอนเร็วขึ้น, ตื่นแล้วออกไปจ๊อกกิ้งหรือวิ่งออกไปหาสังคมบ้างก็ได้ การทำให้ร่างกายแอ๊คทีฟอยู่ตลอดจะปลอดโรค แต่ถ้าให้รางวัลด้วยการ "กินฉลอง" จนเป็นนิสัย อีกไม่นานก็จะหาเรื่องหิวได้เรื่อย


    จะเห็นว่าอาหารที่ผ่านเข้าปากก็เป็นเช่นเดียวกับการมองชีวิต คือคิดให้มันเป็น "อาหารช่วย" ได้มันก็จะช่วยได้จริงๆ โดยตัวเราก็จะพยายามมองหาทางออกให้มันไม่ต้องทำให้อ้วนให้เสียสุขภาพเสมอไป และถ้าเปิดใจให้ดีมันก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาเป็น "อาหารขยัน" ทำให้ท่านลดน้ำหนักตัวเองก็ยังได้ ไม่ทำให้ต้องป่วยแล้วยังช่วยให้ไม่อด "ของอร่อย" เสียอีก

นอนหลับ ช่วยลดน้ำหนัก


ข่าวดีของสาว ๆ ผู้มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก และทนทรมานกับการควบคุมอาหาร หรือหักโหมออกกำลังกายที่ต้องใช้ความอดทน           คุณมีอีกหนึ่งทางแก้เรื่องไขมันส่วนเกินแบบง่ายแสนง่าย ชนิดคาดไม่ถึง เพราะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกพบว่า เพียงแค่การนอนหลับให้เพียงพอในยามกลางคืน ก็สามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่นกัน แถมยังพบด้วยว่า คนที่นอนน้อยในตอนกลางคืนมีโอกาสจะกลายเป็นคนตุ้ยนุ้ยสูงอีกด้วย

          โดยผลการทดลองนี้ ทำในกลุ่มอาสาสมัคร 10 คน เป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ โดยให้ทุกคนรับประทานอาหารแคลอรีต่ำเหมือนกัน ในสองสัปดาห์แรก เหล่าอาสาสมัครจะได้นอนคืนละ 8.5 ชั่วโมง และอีกสองสัปดาห์ที่เหลือเวลานอนจะลดลงเหลือเพียงแค่ 5.5 ชั่วโมง

          เมื่อสิ้นสุดการทดลองในสัปดาห์ที่สี่พบว่า แม้น้ำหนักของอาสาสมัครในช่วงสองสัปดาห์แรก กับสองสัปดาห์หลังจะไม่แตกต่างกันนัก แต่ที่น่าสนใจคือ สัดส่วนของไขมันที่พบว่า สองสัปดาห์แรกไขมันของอาสาสมัครลดลงเฉลี่ย 3.1 ปอนด์ ขณะที่สองสัปดาห์หลัง ซึ่งอาสาสมัครได้นอนเพียงคืนละ 5.5 ชั่วโมง ปริมาณไขมันลดลงเฉลี่ยเหลือเพียง 1.3 ปอนด์
          เพราะฉะนั้นแล้ว สาว ๆ ก็อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอกันด้วยนะคะ




ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/34078.html